ทำ E-Business แล้วจะมีกำไรหรือไม่
ท่านผู้อ่านถามว่าทำ E-Business แล้วจะมีกำไรหรือไม่ ผมรับรองว่ามีกำไรแน่นอน ไม่ได้พูดเล่นนะครับเป็นเรื่องจริง กำไรที่จะได้ก็คือประสบการณ์ในการทำงานที่เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีในการดำเนินการทางธุรกิจ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการดำเนินธุรกิจต่อไปในอนาคต และต่อไปนี้ไม่ว่าจะทำธุรกิจทางด้านไหนก็จะต้องใช้เทคโนโลยีมาช่วยทั้งนั้นจนกระทั่งมีคำพูดที่ว่า ถ้าไม่วางแผนที่จะใช้เทคโนโลยีในวันนี้แล้วก็เตรียมวางแผนที่จะปิดบริษัทได้เลย อาจจะดูน่ากลัวไปสักนิดสำหรับการทำธุรกิจในวันนี้ แต่อีกไม่กี่ปีคำพูดเหล่านี้จะเป็นจริง ดูตัวอย่างร้านค้าปลีกหรือร้านขายของชำที่ต้องปิดตัวเองลงเนื่องจากสู้กับร้านค้าประเภทเซเว่นอีเลเว่นไม่ได้ เซเว่นอีเลเว่นใช้เทคโนโลยีในการจัดการสต็อกสินค้า การสั่งสินค้าและระบบฐานข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
กำไรของ E-Business ในส่วนของตัวเงินนั้นต้องแล้วแต่เทคนิคการบริการงานของแต่ละคนครับ ส่วนใหญ่แล้วในระยะแรกจะไม่ค่อยได้กำไรเนื่องจากการทำ E-Business นั้นต้องใช้เงินลงทุนในการเริ่มต้นซึ่งก็หมือนกันการประกอบธุรกิจรูปแบบทั่วๆ ไป แต่เมื่อใช้ E-Business มาช่วยในระยะหนึ่งแล้วจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และประหยัดเวลา ซึ่งเป็นการลดต้นทุนจะช่วยให้เราได้กำไรในที่สุด เราต้องยอมรับกันว่านักธุรกิจที่รวยเป็นอันดับหนึ่งของโลกนั้นไม่ได้ประสพความสำเร็จในการดำเนินการธุรกิจในครั้งแรกครั้งเดียวหรอกครับ เกือบทุกคนจะล้มเหลวกับการทำงานในครั้งแรกทั้งนั้น
ผลการประกอบการของ E-Business นั้นจะได้กำไรหรือไม่ได้กำไรนั้นไม่ได้อยู่ที่ตัว E-Business แต่จะขึ้นอยู่กับวิธีการนำ E-Business ไปประยุกต์ใช้มากกว่า ใครสามารถประยุกต์ใช้งาน E-Business กับธุรกิจของตนเองได้ดีกว่าก็จะมีโอกาสได้กำไรมากกว่าครับ
ทำไมต้องพูดถึงเรื่องอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ตและ เซิร์ฟเวอร์ในระบบ E-Business
E-Bussiness นั้นไม่ได้หมายถึงการค้าขายผ่านอินเทอร์เน็ตหรือการเปิดร้านค้าบนอินเทอร์เน็ตนะครับ แต่จุดมุ่งหมายของ E-Business นั้นคือการนำเอาระบบอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำธุรกิจ ดังนั้นจึงได้คัดสรรเรื่องราวของระบบอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีที่สามารถนำมาช่วยเหลือการดำเนินธุรกิจได้มาเล่าสู่กันฟัง และเรื่องราวของอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต และเซิร์ฟเวอร์ ก็เป็นเรื่องราวที่ได้คัดสรรมาเล่าสู่กันฟังครับเนื่องจากข้อได้เปรียบที่สำคัญของการดำเนินงานในรูปแบบ E-Business ก็คือความสามารถในการติดต่อสื่อสารข้อมูลอย่างรวดเร็ว ดั้งนั้นจึงจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานของระบบการสื่อสารข้อมูลที่ดีรองรับการดำเนินการทางธุรกิจ ระบบอินเทอร์เน็ตและระบบอินทราเน็ตจึงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการดำเนินการธุรกิจแบบ E-Business ด้วยมาตราฐานของระบบอินเทอร์เน็ตและอินทราเน็ตที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเชื่อมโยงส่งผ่านข้อมูลโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้ากันได้ของอุปกรณ์หลากหลายชนิด จึงทำให้เป็นเรื่องราวของอินเทอร์เน็ตและอินทราเน็ตเป็นเรื่องที่ต้องพูดถึงกันทุกครั้งที่มีการกล่าวถึงระบบ E-Bussiness
ปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบบุคคลและแบบองค์กร
ทำไมราคาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบองค์กรถึงได้มีราคาสูงนัก แล้วจะแตกต่างอะไรกับอินเทอร์เน็ตแบบเพ็กเก็ตหรือชุดคิด ที่คิดราคาเป็นชั่วโมงการใช้งานซึ่งขายชั่วโมงละไม่กี่บาท ในเมื่อก็สามารถเรียกดูอินเทอร์เน็ตได้เหมือนกัน และถ้าแพงขนาดนี้แล้วร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เขาทำอย่างไรกัน จึงจะมีรายได้สูงขนาดเดือนละเป็นล้านๆ มาจ่ายค่าเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เห็นเขาคิดค่าใช้จ่ายชั่วโมงละไม่กี่บาทเอง และถ้าต้องการใช้งานระบบอินทราเน็ตหรืออินเทอร์เน็ตจะสามารถไปใช้งานที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ได้หรือไม่เพราะประหยัดกว่าการตั้งศูนย์อินเทอร์เน็ตขึ้นเอง
ความแตกต่างของการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบบุคคลและแบบองค์กร คงต้องอธิบายเพิ่มเติมกันหน่อยครับ ถึงแม้ว่าการใช้งานแบบบุคคลโดยการสมัครเป็นสมาชิกกับศูนย์อินเทอร์เน็ตหรือการซื้อชุดอินเทอร์เน็ตแพ็คเก็ตที่คิดราคาเป็นชั่วโมงจะสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ก็จริงอยู่ แต่จะเป็นการใช้งานในลักษณะส่วนบุคคลครับ เช่นใช้เรียกดูโฮมเพจ ใช้เล่น ICQ ฯลฯ ส่วนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบองค์กรนั้นก็จะใช้งานได้เช่นเดียวกับการใช้งานแบบบุคคลแต่สามารถใช้งานในลักษณะของการใช้งานแบบองค์กรได้ด้วยเช่น การตั้งเมล์เซิร์ฟเวอร์หรือตั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์ขององค์กรขึ้นเองซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้การเชื่อมต่อในลักษณะนี้จะมีราคาสูงกว่าหลายเท่า
ความแตกต่างคือระยะเวลาในการเชื่อมต่อ
ความแตกต่างที่สำคัญของการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งสองแบบก็คือเวลาในการเชื่อมต่อครับ การใช้งานแบบบุคคลจะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโมเด็ม เฉพาะเมื่อต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตเมื่อเลิกใช้ก็วางสายได้ ไม่ต้องเชื่อมต่อไว้ตลอดเวลา ในขณะที่การเชื่อมต่อแบบองค์กรนั้นจะเป็นการเชื่อมต่อผ่านลีสไลน์โดยเชื่อมต่อไว้ตลอด 24 ชั่วโมง ในลักษณะเหมาจ่ายเป็นเดือนครับ เพื่อให้สามารถติดต่อกับผู้ใช้งานอื่นในระบบอินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา เวลาผู้ใช้งานต้องการใช้งานก็ไม่ต้องหมุนโมเด็ม ต้องการใช้งานเมื่อไรก็สามารถใช้ได้ทันที และเราสามารถนำเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ในหน่วยงานทั้งหมดมาเชื่อมต่อผ่านกับลีสไลน์ได้ถ้ามีเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมากๆ ก็จะประหยัดครับ
หมายเลขในการเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่อแบบบุคคลด้วยการหมุนโมเด็มนั้นจะได้หมายเลขในการเชื่อมต่อหรือไอพีแอดเดรสไม่คงที่เปลี่ยนไปทุกๆ ครั้งที่หมุนโมเด็ม ในขณะที่การเชื่อมต่อแบบองค์กรจะเป็นการเชื่อมต่อตลอดเวลาและจะได้หมายเลขในการเชื่อมต่อคงที่หมายเลขเดิมตลอด
ไอพีแอดเดรสนี้จะใช้ในการอ้างอิงกับชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบอินเทอร์เน็ต เช่น www.yahoo.com มีไอพีแอดเดรส เป็น 64.346.30.3 www.cnn.com มีไอพีแอดเดรส 84.234.234.2 หมายเลขเหล่านี้จะไม่ซ้ำกันเลย ในระบบอินเทอร์เน็ต และเว็บไซต์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ตจะได้รับไอพีแอดเดรสเพื่อไปกำหนดให้กับเซิร์ฟเวอร์ของตนเอง โดยที่ผู้เชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตแบบองค์กรจะได้รับไอพีแอดเดรสจากไอเอสพีที่เชื่อมต่อได้ ซึ่งไอพีแอดเดรสเหล่านี้สามารถนำไปตั้งเป็นชื่อได้ แต่ถ้าเป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบบุคคลจะไม่ได้ไอพีแอดเดรสเป็นของตนเอง เมื่อเชื่อมโยงกับศูนย์อินเทอร์เน็ตได้ก็จะใช้ไอพีแอดเดรสของศูนย์อินเทอร์เน็ตนั้นชั่วคราว ซึ่งการเชื่อมต่อแต่ละครั้งนั้นก็จะได้ไอพีแอดเดรสไม่เหมือนกันจึงไม่สามารถนำไอพีแอดเดรสชั่วคราวนี้ไปตั้งเป็นชื่อโดเมนได้
ถ้าเป็นการใช้งานธรรมดาแบบใช้งานคนเดียวและใช้งานไม่มากนักก็ซื้ออินเทอร์เน็ตแพ็กเก็ตมาใช้ดีกว่าครับ เพราะไม่ต้องการตั้งเซิร์ฟเวอร์เองจะประหยัดกว่า แต่หากต้องการมีชื่อโดเมนเป็นของตนเอง หรือมีเซิร์ฟเวอร์เป็นของตนเองก็อาจจะใช้วีธีแบ่งเช่าเครื่องจากศูนย์บริการอินเทอร์เน็ตก็ได้ครับ ซึ่งจะประหยัดกว่า การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบองค์กร
สำหรับร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่
ส่วนร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่นั้น เขาก็ไม่ได้ใช้การเชื่อมต่อแบบองค์กรที่มีราคาการเชื่อมต่อเดือนละเป็นล้านหรอกครับ ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เขาก็ใช้การเชื่อมต่อแบบธรรมดาหรือซื้ออินเทอร์เน็ตเพคเก็ตมาใช้เหมือนกัน ซึ่งชั่วโมงละประมาณสิบบาท โดยใช้อุปกรณ์พิเศษเช่น ไอพีแชร์ เกตเวย์ ฯลฯ ทำหน้าที่แชร์อินเทอร์เน็ตสายเดียวให้เครื่องทุกเครื่องในร้านใช้งานอินเทอร์เน็ตร่วมกันโดยที่ไม่ต้องหมุนโมเด็มเองทุกเครื่องโดยทั่วไปก็ใช้โมเด็มเพียงตัวเดียว สำหรับเครื่องไม่เกินสิบเครื่อง
ที่สามารถทำเช่นนี้ได้ก็เพราะว่าการเรียกดูข้อมูลของแต่ละเครื่องในร้านจะไม่พร้อมกันดังนั้นก็สามารถแบ่งกันใช้งานได้โดยที่ไม่รู้สึกว่าช้า
กำไรของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่
ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่จะได้กำไรจากส่วนต่างของชั่วโมงการใช้งานครับ เช่นซื้ออินเทอร์เน็ตเพ็คเก็ตมาชั่วโมงละ 10 บาท ก็มาคิดราคากับผู้มาใช้บริการต่อชั่วโมงละ 20 ก็จะได้กำไรชั่วโมงละ 10 บาท แต่ถ้ามีผู้ใช้งานพร้อมกัน 10 เครื่อง เครื่องที่ 2-9 ก็ไม่ต้องเสียค่าชั่วโมงอินเทอร์เน็ตแล้วจะได้กำไรเต็ม ๆ เครื่องละ 20 บาท ดังนั้นเมื่อเพิ่มเครื่องอีก 9 เครื่อง ก็จะได้กำไรอีก 9x20= 180 รวมกำไรกับเครื่องแรกอีก 10 บาท เป็น 190 บาท ต่อชั่วโมง เพราะเราหมุนโมเด็มเพียงครั้งเดียวเท่านั้น วันนึงเปิดร้านสัก 10 ชม. ก็ได้วันละ 1900 บาท ถ้าเดือนหนึ่งเปิดร้าน 30 วันก็ได้กำไร 47,000 บาท
ร้านอินเทอร์คาเฟ่ส่วนใหญ่ยังมีเกมส์ให้เช่าอีก แถมบางแห่งขายอาหารด้วย ถ้ามีลูกค้าประจำก็สามารถถอนทุนได้ไม่อยากครับ ที่สำคัญระยะนี้มีการแข่งขันสูงมาก ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เปิดกันเยอะมาก คนจะนิยมร้านใหม่ๆ มากกว่าร้านเก่าๆ เนื่องจากเครื่องจะใหม่กว่า ทำให้ร้านเก่าสู้ร้านใหม่ไม่ได้ต้องปิดไปหลายร้านแล้ว
ลองใช้งานอินทราเทอร์เน็ตและอินทราเน็ตคาเฟ่ได้หรือไม่
ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่นั้นเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบบุคคล ดังนั้นจึงไม่มีไอพีแอดเดรสเป็นของตนเองจึงไม่สามารถติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ถาวรที่ต่อกับอินเทอร์เน็ตที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ได้ ดังนั้นเราจึงไม่สามารถทดลองการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบเต็มรูปแบบที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ได้
ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่จะมีให้บริการอินเทอร์เน็ตบางอย่างเท่านั้นเช่น การเรียกดูโฮมเพจ, ICQ, IRC ฯลฯ ซึ่งเป็นการใช้งานแบบบุคคล ยังไม่มีบริการการตั้งเมล์เซิร์ฟเวอร์หรือเว็บเซิร์ฟเวอร์ เมื่อลูกค้าต้องการใช้งานอิเล็กทรอนิกส์เมล์ ก็จะให้ไปใช้บริการฟรีเมล์ต่างๆ ที่สามารถสมัครใช้งานได้โดยที่ไม่ต้องตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง เช่น www.yahoo.com www.hotmail.com
โดเมนเนมคืออะไร
ขอตอบอีกคำถามนะครับมีท่านผู้อ่านถามเขามาว่าโดเมนเนม คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และซื้อได้ที่ไหนแพงหรือเปล่า
โดเมนเนมคือชื่อครับ ตั้งชื่อแล้วก็ไปเสียค่าจดทะเบียนครับ อย่างเวลาจะเปิดร้านค้าเราก็ต้องตั้งชื่อร้านแล้วก็ไปจดทะเบียน ร้านค้าบนอินเทอร์เน็ตก็มีการตั้งชื่อเหมือนกันครับ เช่น www.amazon.com, www.manager.co.th ชื่อเหล่านี้ในระบบอินเทอร์เน็ตเขาเรียกว่าโดเมนเนม ตั้งชื่อแล้วก็ต้องไปจดทะเบียนที่ศูนย์รับจดโดเมนเนม เช่นถ้าต้องการดั้งชื่อเป็น piya.com ก็ต้องไปจดทะเบียนตามศูนย์รับจดทะเบียนต่างๆ เช่น www.networksolutions.com อยู่ที่อเมริกาโน้น การจดทะเบียนโดเมนเนมนั้นใช้วิธีกรอกหมายเลขบัตรเครดิตผ่านโฮมเพจครับไม่ต้องเดินทางไปจดทะเบียนเอง ค่าบริการสำหรับการจดทะเบียนโดเมนนั้นที่ www.netowork.sulotions.com คิด 35 เหรียญต่อปีครับ แต่บางศูนย์ก็รับจดทะเบียนที่ราคาถูกว่านี้ เช่นที่ www.buydomain.com คิด 16 เหรียญ เราสามารถดูรายชื่อบริษัทที่ได้รับอนุญาติให้จดโดเมนเนมได้ที่ www.icann.net ครับ |